ระบบ WMS สำหรับ E-Commerce จัดการคลังสินค้าแบบมือโปร

ระบบ WMS สำหรับ E-Commerce จัดการคลังสินค้าแบบมือโปร

ระบบ WMS สำหรับ E-Commerce จัดการคลังสินค้าแบบมือโปร

ในยุคที่ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด การแข่งขันที่ดุเดือดทำให้ผู้ประกอบการ SME และ Startup ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว หัวใจสำคัญที่มักถูกมองข้ามแต่กลับส่งผลกระทบมหาศาลต่อความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ก็คือ “การจัดการคลังสินค้า” ลองจินตนาการถึงภาพออเดอร์ที่ทะลักเข้ามา แต่กลับหาของไม่เจอ ส่งสินค้าผิด หรือสต็อกไม่ตรง ยิ่งธุรกิจเติบโต ปัญหาเหล่านี้จะยิ่งสะสมจนกลายเป็นฝันร้ายที่ฉุดรั้งธุรกิจของคุณ

แต่ไม่ต้องกังวล! ระบบ WMS (Warehouse Management System) หรือ ซอฟต์แวร์ระบบ WMS คือคำตอบที่จะเปลี่ยนคลังสินค้าที่เคยยุ่งเหยิงให้กลายเป็นเครื่องจักรทำเงินที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ CNET Thailand ผู้นำด้านโปรแกรมระบบ WMS แบบครบวงจรพร้อมอุปกรณ์ ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี และครองยอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่นถึง 11 ปีซ้อน จะมาเปิดโลกให้คุณเห็นว่าระบบ WMS สามารถปฏิวัติการจัดการคลังสินค้าสำหรับธุรกิจ E-Commerce ของคุณได้อย่างไร พร้อมเจาะลึกหน้าที่ต่างๆ ในคลังสินค้า และเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนระหว่างการทำงานแบบเดิมๆ กับการใช้ระบบ WMS

ระบบบาร์โค้ดในระบบ WMS การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ธุรกิจ E-Commerce กับความท้าทายในการจัดการคลังสินค้า

ผู้ประกอบการ SME และ Startup ที่ก้าวเข้าสู่สมรภูมิ E-Commerce มักเริ่มต้นด้วยความมุ่งมั่นและสินค้าที่ดี แต่เมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัว ปริมาณออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นกลับนำมาซึ่งความท้าทายในการจัดการคลังสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  • ความผิดพลาดจากคน (Human Error) การจดบันทึกด้วยมือ การหยิบสินค้าตามความจำ หรือการตรวจสอบสต็อกด้วยสายตา มักนำไปสู่ความผิดพลาดได้ง่าย เช่น หยิบสินค้าผิดรุ่น ผิดสี ผิดจำนวน ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและเกิดต้นทุนการส่งคืน
  • สต็อกสินค้าไม่แม่นยำ ไม่รู้ว่าสินค้าตัวไหนเหลือเท่าไหร่ สินค้าขายดีอาจหมดสต็อกโดยไม่รู้ตัว (Stock Out) ทำให้เสียโอกาสในการขาย หรือสั่งสินค้าที่ไม่จำเป็นมาเก็บไว้ (Overstock) ทำให้เงินทุนจม
  • ความล่าช้าในการจัดส่ง การค้นหาสินค้าที่ใช้เวลานาน กระบวนการแพ็คที่ไม่เป็นระบบ ทำให้จัดส่งสินค้าล่าช้ากว่าคู่แข่ง ในยุคที่ลูกค้าต้องการความเร็ว สิ่งนี้อาจหมายถึงการสูญเสียลูกค้า
  • พื้นที่คลังสินค้าไม่เกิดประโยชน์สูงสุด การจัดวางสินค้าไม่เป็นระบบ ทำให้เสียพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์ และเมื่อต้องการขยายพื้นที่ ก็หมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
  • ขาดข้อมูลในการตัดสินใจ ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขาย สินค้าคงคลัง หรือประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ ทำให้การวางแผนธุรกิจในอนาคตเป็นไปได้ยาก

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ แสดงว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องมองหาเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยยกระดับการทำงาน นั่นคือระบบ WMS

ระบบ WMS ช่วยลดต้นทุนในธุรกิจได้อย่างไร

ระบบ WMS คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญต่อ E-Commerce ยุคใหม่?

ระบบ WMS (Warehouse Management System) คือ ซอฟต์แวร์ระบบ WMS ที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมและบริหารจัดการกิจกรรมทั้งหมดภายในคลังสินค้า ตั้งแต่การรับสินค้าเข้า การจัดเก็บ การหยิบสินค้าตามออเดอร์ การแพ็ค ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าออกจากคลัง เปรียบเสมือน “สมอง” ของคลังสินค้า ที่ช่วยให้ทุกกระบวนการเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ถูกต้องแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะ SME และ Startup โปรแกรมระบบ WMS มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะ:

  1. รองรับปริมาณออเดอร์สูง ธุรกิจออนไลน์มีการสั่งซื้อที่ผันผวนและอาจมีปริมาณสูงในช่วงโปรโมชั่น ระบบ WMS ช่วยจัดการออเดอร์จำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและลดข้อผิดพลาด
  2. ความคาดหวังของลูกค้าสูง ลูกค้า E-Commerce ต้องการความถูกต้องและความรวดเร็วในการจัดส่ง การมี WMS ช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าที่ถูกต้องและตรงเวลา สร้างความประทับใจและโอกาสซื้อซ้ำ
  3. การจัดการสินค้าหลากหลาย (SKUs) ร้านค้าออนไลน์มักมีสินค้าหลากหลายประเภท หลายขนาด หลายสี การใช้ WMS ช่วยให้การติดตามและจัดการ SKU จำนวนมากเป็นเรื่องง่าย
  4. การจัดการการคืนสินค้า (Reverse Logistics) ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ WMS สามารถช่วยจัดการกระบวนการรับคืนสินค้า ตรวจสอบ และนำกลับเข้าสต็อกได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในธุรกิจ E-Commerce

เจาะลึกหน้าที่ในคลังสินค้าเปรียบเทียบชัดๆ ระหว่างไม่มี WMS VS มี WMS

หน้าที่ในคลังสินค้าการทำงานแบบไม่มีระบบ WMS (Manual)การทำงานด้วยระบบ WMS (Automated & Optimized)
1. การรับสินค้า (Receiving)ตรวจสอบเอกสารด้วยมือ (PO เทียบกับใบส่งของ) ตรวจนับสินค้าด้วยสายตา อาจมีการจดบันทึกผิดพลาด ใช้เวลานานในการรับสินค้าแต่ละล็อตไม่มีการอัปเดตสต็อกแบบเรียลไทม์สแกนบาร์โค้ด/QR Code บนสินค้าและใบสั่งซื้อ (PO) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอัตโนมัติระบบบันทึกจำนวนสินค้าที่รับเข้าทันที ลดความผิดพลาดรับสินค้าได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่าสต็อกอัปเดตเข้าระบบทันที พร้อมระบุตำแหน่งจัดเก็บเบื้องต้น
2. การจัดเก็บ (Putaway)พนักงานใช้ความคุ้นเคยหรือความจำในการหาที่วางสินค้าสินค้าอาจวางผิดที่ หาไม่เจอเมื่อต้องการหยิบพื้นที่จัดเก็บไม่ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพไม่มีการบันทึกตำแหน่งจัดเก็บที่เป็นระบบระบบ WMS แนะนำตำแหน่งจัดเก็บที่เหมาะสมที่สุด (Optimized Location) ตามขนาด ความถี่ในการหยิบ หรือโซนที่กำหนดสินค้าถูกจัดเก็บในตำแหน่งที่ถูกต้อง ค้นหาง่ายใช้พื้นที่คลังสินค้าได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นทุกชิ้นมีข้อมูลตำแหน่งชัดเจนในระบบ
3. การจัดการสต็อก (Inventory Management)ตรวจนับสต็อกเป็นรอบ (เช่น เดือนละครั้ง) ซึ่งใช้เวลานานและอาจคลาดเคลื่อนข้อมูลสต็อกไม่เป็นปัจจุบัน ทำให้เกิดปัญหาสินค้าหมด (Stock Out) หรือล้นสต็อก (Overstock)ยากต่อการติดตามสินค้าที่ใกล้หมดอายุหรือเคลื่อนไหวช้าติดตามสต็อกสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real-time Inventory Tracking)แจ้งเตือนเมื่อสินค้ารายการใดใกล้หมด หรือถึงจุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point)รองรับการตรวจนับสต็อกแบบ Cycle Count ทำให้ข้อมูลแม่นยำเสมอจัดการสินค้าตามล็อต (Lot Control) หรือวันหมดอายุ (FIFO/FEFO) ได้ง่าย
4. การหยิบสินค้า (Picking)พนักงานเดินหาของตามใบสั่ง อาจหยิบผิด หยิบไม่ครบเส้นทางการเดินหยิบไม่แน่นอน ทำให้เสียเวลาประสิทธิภาพการหยิบขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคลไม่มีข้อมูลติดตามว่าใครหยิบอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ระบบ WMS สร้างใบหยิบสินค้า (Picking List) ที่จัดลำดับการหยิบอย่างมีประสิทธิภาพ (Optimized Picking Route) เช่น Zone Picking, Wave Picking, Batch Pickingใช้ร่วมกับอุปกรณ์ Handheld Scanner ยืนยันความถูกต้องของสินค้าที่หยิบลดข้อผิดพลาดในการหยิบสินค้าลงกว่า 99%เพิ่มความเร็วในการหยิบสินค้าได้อย่างชัดเจนติดตามประสิทธิภาพการหยิบของพนักงานแต่ละคนได้
5. การตรวจสอบและแพ็คสินค้า (Packing & Verification)ตรวจสอบสินค้ากับออเดอร์ด้วยสายตาอีกครั้ง อาจยังมีข้อผิดพลาดหลงเหลือกระบวนการแพ็คไม่มีมาตรฐาน ใช้เวลานานระบบ WMS ช่วยยืนยันความถูกต้องของสินค้าที่หยิบมาอีกครั้งก่อนแพ็ค (Scan to Verify)สามารถแนะนำขนาดกล่องที่เหมาะสม หรือพิมพ์ฉลากที่จำเป็นได้กระบวนการแพ็คเป็นระบบและรวดเร็วขึ้น
6. การจัดส่ง (Shipping)พิมพ์ใบปะหน้าด้วยมือ หรือคีย์ข้อมูลเข้าระบบขนส่งทีละรายการอาจเกิดความผิดพลาดในการเลือกบริษัทขนส่ง หรือกรอกข้อมูลที่อยู่ผิดยากต่อการติดตามสถานะการจัดส่งโปรแกรมระบบ WMS สามารถเชื่อมต่อกับระบบของบริษัทขนส่ง (Shipping Integration) เพื่อพิมพ์ใบปะหน้าอัตโนมัติลดความผิดพลาดในการเลือกขนส่งและกรอกข้อมูล- สามารถอัปเดตเลข Tracking เข้าระบบและแจ้งลูกค้าได้อัตโนมัติ
7. การรายงานและวิเคราะห์ (Reporting & Analytics)ข้อมูลกระจัดกระจาย รวบรวมยาก ใช้เวลานานในการทำรายงาน- ขาดข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงกระบวนการ หรือวางแผนธุรกิจระบบ WMS มี Dashboard และรายงานสรุปผลการดำเนินงานต่างๆ แบบเรียลไทม์ เช่น จำนวนออเดอร์, ความถูกต้องในการหยิบ, มูลค่าสต็อก, สินค้าขายดี/ขายช้าช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจจากข้อมูลจริง (Data-driven Decision) และวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ

เห็นได้ชัดว่าการมีระบบ WMS ไม่เพียงแค่ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความเร็ว แต่ยังเป็นการ “ติดอาวุธ” ให้คลังสินค้าของคุณทำงานได้อย่างชาญฉลาดและเป็นระบบมากขึ้นหลายเท่าตัว!

ประโยชน์ที่ SME และ Startup จะได้รับจากการใช้ระบบ WMS

การลงทุนในซอฟต์แวร์ระบบ WMS อาจดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ SME หรือ Startup แต่เมื่อเทียบกับประโยชน์ระยะยาวที่จะได้รับแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

  1. เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดความผิดพลาดในการทำงาน ลดการสูญเสียจากสินค้าเสียหายหรือหมดอายุ ประหยัดเวลาของพนักงาน ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมลดลง
  2. ความแม่นยำของสต็อกสูงสุด รู้จำนวนสินค้าจริงในคลัง ลดปัญหาสินค้าขาดหรือเกินสต็อก เพิ่มโอกาสในการขาย
  3. บริการลูกค้าที่ดีขึ้น ส่งสินค้าถูกต้อง รวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า นำไปสู่การซื้อซ้ำและบอกต่อ
  4. การใช้พื้นที่คลังสินค้าคุ้มค่า ระบบจัดการคลังสินค้า WMS ช่วยแนะนำการจัดวาง ทำให้ใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพ ลดความจำเป็นในการขยายพื้นที่โดยไม่จำเป็น
  5. ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ มีข้อมูลเรียลไทม์สำหรับการวางแผน การตลาด และการจัดการธุรกิจ
  6. รองรับการเติบโตของธุรกิจ (Scalability) เมื่อธุรกิจขยายตัวระบบ WMS ที่ดีสามารถรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างราบรื่น
  7. ภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ การจัดการคลังสินค้าที่เป็นระบบคลังสินค้าออนไลน์ WMS สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าและลูกค้า

ออกแบบคลังสินค้าให้รองรับระบบ WMS เริ่มต้นอย่างไร?

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาระบบ WMS หรือต้องการปรับปรุงคลังสินค้าเดิมให้รองรับ การออกแบบคลังสินค้าให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ

  • การวางผัง (Layout) จัดโซนต่างๆ ในคลังให้ชัดเจน เช่น โซนรับสินค้า โซนจัดเก็บ (แบ่งตามประเภทสินค้า, ความถี่ในการหยิบ) โซนหยิบสินค้า โซนแพ็คสินค้า และโซนจัดส่ง ควรมีการไหลเวียนของงาน (Workflow) ที่ดี ลดระยะทางการเคลื่อนที่ที่ไม่จำเป็น
  • ระบบการระบุตำแหน่ง (Location System) กำหนดรหัสตำแหน่ง (Location ID) ให้กับทุกช่องเก็บสินค้าอย่างเป็นระบบ เช่น ชั้น (Aisle), แถว (Bay), ระดับ (Level), ช่อง (Bin) เพื่อให้ WMS สามารถระบุและแนะนำตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
  • การใช้บาร์โค้ด/QR Code ติดบาร์โค้ดหรือ QR Code บนสินค้าทุกชิ้น และบนตำแหน่งจัดเก็บ เพื่อให้การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Handheld Scanner และระบบ WMS เป็นไปอย่างราบรื่น
  • อุปกรณ์ที่จำเป็น พิจารณาอุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบมือถือ (Handheld Scanners), เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด, คอมพิวเตอร์, และระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่ครอบคลุมทั่วทั้งคลังสินค้า
  • การฝึกอบรมพนักงาน พนักงานคือผู้ใช้งานระบบโดยตรง การฝึกอบรมให้เข้าใจวิธีการทำงานของ WMS และการใช้อุปกรณ์ต่างๆ จึงสำคัญมาก

เลือกโปรแกรมระบบ WMS อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ E-Commerce ของคุณ?

ตลาดซอฟต์แวร์ระบบ WMS มีหลากหลายตัวเลือก การเลือกให้เหมาะสมกับธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะกลุ่ม SME และ Startup ควรพิจารณาดังนี้

  • ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ E-Commerce ระบบควรมีฟังก์ชันพื้นฐานครบถ้วน (รับ, เก็บ, หยิบ, แพ็ค, ส่ง) และควรมีฟังก์ชันที่สนับสนุน E-Commerce เช่น การจัดการออเดอร์จำนวนมาก, การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม E-Commerce (เช่น Shopee, Lazada) หรือระบบจัดการออเดอร์ (OMS), และการเชื่อมต่อกับบริษัทขนส่ง
  • ความง่ายในการใช้งาน (User-Friendly) Interface ของโปรแกรมควรเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน พนักงานสามารถเรียนรู้และใช้งานได้รวดเร็ว
  • ความยืดหยุ่นและการปรับแต่ง (Flexibility & Customization) ธุรกิจแต่ละแห่งมีความต้องการเฉพาะระบบ WMS ที่ดีควรสามารถปรับแต่งให้เข้ากับกระบวนการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจคุณได้
  • ความสามารถในการขยายระบบ (Scalability) เลือกระบบคลังสินค้า WMS ที่สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้ ทั้งในแง่ปริมาณข้อมูล ผู้ใช้งาน และฟังก์ชันเพิ่มเติม
  • การบริการหลังการขายและการสนับสนุน (Support) ผู้ให้บริการควรมีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษา แก้ปัญหา และดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง
  • ราคาและความคุ้มค่า เปรียบเทียบราคาและฟังก์ชันกับผู้ให้บริการหลายราย เลือกโซลูชันที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณ

ทำไมต้องเลือก CNET Thailand? ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เรามอบให้

ที่ CNET Thailand เราเข้าใจดีถึงความท้าทายของผู้ประกอบการ SME และ Startup ในธุรกิจ E-Commerce ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในอุตสาหกรรม และการเป็นผู้นำตลาดระบบ WMS ในประเทศญี่ปุ่นติดต่อกันถึง 11 ปี เราไม่ได้เป็นเพียงผู้ขายซอฟต์แวร์ระบบ WMS แต่เราคือ “พันธมิตร” ที่พร้อมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน

สิ่งที่คุณจะได้รับจาก CNET Thailand

  • ระบบ WMS เต็มรูปแบบพร้อมอุปกรณ์ เราให้บริการโซลูชันครบวงจร ตั้งแต่ซอฟต์แวร์ WMS ที่ทรงพลังและยืดหยุ่น ไปจนถึงฮาร์ดแวร์คุณภาพสูง เช่น Handheld Terminals, Barcode Scanners และ Printers ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
  • ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทีมงานของเรามีความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับกระบวนการคลังสินค้า และสามารถให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งระบบ WMS ที่เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจ E-Commerce ของคุณโดยเฉพาะ
  • การปรับแต่งเพื่อธุรกิจของคุณ เราเชื่อว่าไม่มี One-Size-Fits-All ระบบ WMS ของเราสามารถปรับแต่ง (Customize) ให้เข้ากับการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละธุรกิจได้อย่างลงตัว
  • การบริการและการสนับสนุนที่เป็นเลิศ เรามีทีมงานคนไทยที่พร้อมให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การติดตั้ง การฝึกอบรม ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าระบบจะทำงานได้อย่างราบรื่น
  • เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นที่เชื่อถือได้ ด้วยมาตรฐานและนวัตกรรมจากญี่ปุ่น คุณสามารถมั่นใจในคุณภาพและความเสถียรของระบบ WMS จาก CNET Thailand

การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ระบบ WMS อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ลดลง และความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ E-Commerce ของคุณให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะยกระดับการจัดการคลังสินค้าของคุณให้เป็นมืออาชีพ? อย่าปล่อยให้ปัญหาคลังสินค้าเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจคุณอีกต่อไป

ท่านใดที่กำลังมองหาระบบ WMS ที่ Cnetthailand เราเป็นบริษัทที่ให้บริการระบบจัดการคลังสินค้า WMS เต็มรูปแบบพร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดยระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ WMS ของเราสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมและธุรกิจแต่ละประเภท ด้วยประสบการณ์ด้านระบบ WMS กว่า 30 ปี และมียอดขายระบบคลังสินค้า WMS เป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่องกันถึง 11 ปี ให้เรา Cnetthailand ช่วยดูแลระบบคลังสินค้าของคุณนะคะ

สนใจติดต่อ

Tel : 02-821-5464

Line : @cnetthailand

Facebook : c net thailand co ltd