c-net-logo-blue

วิธีเลือกโปรแกรมสต็อกสินค้าในระบบ WMS สำหรับธุรกิจออนไลน์

วิธีเลือกโปรแกรมสต็อกสินค้าในระบบ WMS สำหรับธุรกิจออนไลน์

วิธีเลือกโปรแกรมสต็อกสินค้าในระบบ WMS สำหรับธุรกิจออนไลน์ สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ ต้องมีตัวช่วยจัดการสต็อกสินค้าอย่างโปรแกรมจัดการคลังสินค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบ WMS เป็นเครื่องมือในการจัดการสต็อกสินค้าได้เป็นอย่างดี แล้วจะมีวิธีเลือกโปรแกรมสต็อกสินค้าในระบบ WMS อย่างไรให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตได้อย่างราบรื่น มาดูกันค่ะ

วิธีเลือกโปรแกรมสต็อกสินค้าในระบบ WMS สำหรับธุรกิจออนไลน์

โปรแกรมสต๊อกสินค้าในระบบ WMS (Warehouse Management System) เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจออนไลน์ โดยโปรแกรมระบบคลังสินค้าจะช่วยในการบริหารจัดการสินค้าในคลัง ตั้งแต่การรับเข้าสินค้า การจัดเก็บสินค้า การเบิกจ่ายสินค้า และการติดตามสินค้า ทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี

การเลือกโปรแกรมสต๊อกสินค้าให้เหมาะกับธุรกิจออนไลน์

  1. พิจารณาประเภทของธุรกิจ

ธุรกิจออนไลน์มีประเภทที่แตกต่างกัน เช่น ธุรกิจขายสินค้าทั่วไป ธุรกิจขายสินค้าแบบ B2B ธุรกิจขายสินค้าแบบ B2C เป็นต้น แต่ละประเภทมีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรพิจารณาประเภทของธุรกิจก่อนเลือกโปรแกรมสต๊อกสินค้าในระบบ WMS

ติดตามสถานะของสินค้า
  1. วิเคราะห์และประเมินสถานะปัจจุบันของระบบสต็อก

การวิเคราะห์และประเมินสถานะปัจจุบันของระบบสต็อกของธุรกิจ โดยพิจารณาถึงปัญหาและความต้องการขององค์กร เช่น ปัญหาสินค้าสูญหาย สินค้าไม่ตรงตามออเดอร์ สินค้าไม่ตรงกับจำนวนที่บันทึก เป็นต้น จากนั้นกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ระบบจัดการคลังสินค้า WMS สามารถทำได้ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า ลดความผิดพลาดในการเก็บเข้า-เบิกสินค้าค่ะ

  1. กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ระบบ WMS ทำ

หลังจากวิเคราะห์และประเมินสถานะปัจจุบันของระบบสต็อกสินค้าแล้ว ธุรกิจควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ระบบ WMS สามารถทำได้ เช่น ต้องการลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าลง 10% หรือต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามสินค้า 99%

  1. ขนาดของธุรกิจ

ขนาดของธุรกิจก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณา ในการเลือกโปรแกรมสต๊อกสินค้าในระบบ WMS เพราะโปรแกรมระบบคลังสินค้าแต่ละประเภท มีความสามารถในการรองรับธุรกิจที่มีขนาดแตกต่างกัน เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นต้น

ข้อควรพิจารณาในการเลือกระบบ WMS
  1. ศึกษาคุณสมบัติของโปรแกรม WMS

ในปัจจุบันมีระบบคลังสินค้าออนไลน์ให้เลือกใช้งานมากมาย ธุรกิจควรศึกษาคุณสมบัติของระบบคลังสินค้า WMS ที่มีอยู่ในตลาด โดยพิจารณาถึงคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ โดยระบบ WMS ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • การจัดการสินค้าอย่างครบวงจร เช่น การรับเข้าสินค้า การจัดเก็บสินค้า การเบิกจ่ายสินค้า การติดตามสินค้า เป็นต้น
  • การรายงานข้อมูลต่างๆ เช่น รายงานยอดขาย รายงานสินค้าคงเหลือ รายงานต้นทุน เป็นต้น
  • การเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เช่น ระบบจัดการออเดอร์ ระบบ CRM เป็นต้น
  • ทดลองใช้งานโปรแกรม WMS

หลังจากศึกษาคุณสมบัติของระบบจัดการคลังสินค้า WMS แล้ว ธุรกิจควรทดลองใช้งานโปรแกรม WMS โดยใช้ข้อมูลจริง เพื่อให้สามารถประเมินระบบ WMS ว่าตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้หรือไม่

วิธีเลือกโปรแกรมสต็อกสินค้าในระบบ WMS สำหรับธุรกิจออนไลน์ (2)
  1. เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการให้บริการ

เมื่อทดลองใช้งานระบบ WMS แล้ว ธุรกิจควรเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการให้บริการของผู้ให้บริการระบบคลังสินค้า ต่างๆ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกระบบคลังสินค้าที่เหมาะสมกับงบประมาณและตรงกับความต้องการของธุรกิจมากที่สุด

การเลือกใช้โปรแกรมสต๊อกสินค้าในระบบ WMS เป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจออนไลน์ควรพิจารณาอย่างถูกต้อง โดยการเลือกใช้ระบบคลังสินค้าออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและเพิ่มผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้ระบบจัดการคลังสินค้า WMS ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการสต๊อกสินค้าของธุรกิจออนไลน์ของคุณ

ท่านใดที่กำลังมองหาระบบ WMS ที่ Cnetthailand เราเป็นบริษัทที่ให้บริการระบบจัดการคลังสินค้า WMS เต็มรูปแบบพร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดยระบบ WMSของเราสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมและธุรกิจแต่ละประเภท ด้วยประสบการณ์ด้านระบบ WMS กว่า 30 ปี และมียอดขายระบบคลังสินค้า WMS เป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่องกันถึง 11 ปี ให้เรา Cnetthailand ช่วยดูแลระบบคลังสินค้าของคุณนะคะ

สนใจติดต่อ

Tel : 02-821-5464

Line : @cnetthailand

Facebook : c net thailand co ltd