ระบบ WMS กับระบบ ERP ต่างกันอย่างไร อัปเดต 2025

ระบบ WMS กับระบบ ERP ต่างกันอย่างไร

ระบบ WMS กับระบบ ERP ต่างกันอย่างไร อัปเดต 2025

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การจัดการ “คลังสินค้า” ไม่ใช่แค่การเก็บของ แต่คือหัวใจสำคัญของความพึงพอใจลูกค้าและกำไรของบริษัท หลายธุรกิจมักเผชิญปัญหาเดียวกัน: สต็อกไม่ตรง, หาของไม่เจอ, จัดส่งล่าช้าหรือผิดพลาด ปัญหาเหล่านี้มักเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องมองหาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งสองชื่อที่มักได้ยินบ่อยที่สุดคือ ระบบ WMS และระบบ ERP แต่ความแตกต่างที่แท้จริงคืออะไร และธุรกิจของคุณต้องการอะไรกันแน่?

บทความนี้จะเจาะลึกความแตกต่าง อัปเดตเทรนด์ล่าสุดปี 2025 และให้แนวทางที่ชัดเจนจากประสบการณ์ เพื่อช่วยให้คุณเลือกระบบที่ใช่สำหรับองค์กรของคุณ

ระบบ WMS (Warehouse Management System) คืออะไร?

ระบบ WMS คือระบบซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ บริหารจัดการกระบวนการทำงานทั้งหมดภายในคลังสินค้าโดยเฉพาะ ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดเก็บ การจัดการตำแหน่ง (Slotting) การหยิบสินค้า (Picking) การบรรจุ (Packing) ไปจนถึงการจัดส่ง เปรียบเสมือนผู้จัดการคลังสินค้าอัจฉริยะที่ช่วยให้การทำงานราบรื่น แม่นยำ และรวดเร็ว

หน้าที่หลักของ WMS

  • ควบคุมสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์: ทราบจำนวนและตำแหน่งของสินค้าทุกชิ้นได้อย่างแม่นยำ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่: แนะนำการจัดเก็บสินค้าเพื่อให้ใช้พื้นที่ในคลังได้คุ้มค่าที่สุด
  • ลดความผิดพลาดในการหยิบและจัดส่ง: ระบบจะนำทางพนักงานไปยังตำแหน่งสินค้าที่ถูกต้อง
  • ติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability): สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของสินค้าได้ทุกขั้นตอน

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) คืออะไร?

ERP คือระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการ บริหารจัดการทรัพยากรและกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กรแบบองค์รวม โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกแผนก เช่น บัญชีการเงิน, การจัดซื้อ, การผลิต, การขาย, การตลาด และทรัพยากรบุคคล เข้าไว้ในฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้ผู้บริหารมองเห็นภาพรวมของทั้งบริษัท และสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างเฉียบคม

หน้าที่หลักของ ERP

  • ศูนย์กลางข้อมูลขององค์กร: รวบรวมข้อมูลจากทุกแผนกไว้ที่เดียว
  • บริหารจัดการการเงินและบัญชี: ติดตามรายรับ-รายจ่าย และสถานะทางการเงิน
  • วางแผนการผลิตและจัดซื้อ: คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าและวางแผนการผลิตได้อย่างเหมาะสม
  • บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM): จัดการข้อมูลลูกค้าและประวัติการสั่งซื้อ

ความแตกต่างของระบบ WMS vs. ERP

เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เรามาทบทวนหน้าที่หลักของทั้งสองระบบอีกครั้ง

ระบบจัดการคลังสินค้า WMS (Warehouse Management System): เปรียบเสมือน “ผู้จัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ” ที่เชี่ยวชาญการบริหารจัดการทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้น ภายใน คลังสินค้าโดยเฉพาะ ตั้งแต่การรับสินค้า จัดเก็บ หยิบ แพ็ก และจัดส่ง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning): เปรียบเสมือน “สมอง” ขององค์กร ทำหน้าที่เชื่อมโยงและบริหารจัดการข้อมูลจากทุกแผนก เช่น บัญชี, การเงิน, จัดซื้อ, ทรัพยากรบุคคล และการขาย เพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด

ระบบจัดการคลังสินค้า WMS มีโปรแกรมสต็อกสินค้า

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของระบบ WMS กับระบบ ERP

คุณสมบัติระบบ WMS (Warehouse Management System)ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning)
ขอบเขตหลักการจัดการเชิงลึกในคลังสินค้าการจัดการภาพรวมทั่วทั้งองค์กร
ฟังก์ชันหลักรับสินค้า, จัดเก็บ, หยิบ, แพ็ก, จัดส่ง, จัดการสต็อกแบบเรียลไทม์บัญชี, การเงิน, จัดซื้อ, ขาย, ทรัพยากรบุคคล, การผลิต
เป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในคลังสินค้า ลดข้อผิดพลาดเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและข้อมูลขององค์กร
ความละเอียดข้อมูลละเอียดสูงในระดับตำแหน่งจัดเก็บ (Location), SKU, Lot, Serialข้อมูลเชิงสรุปของสต็อก (จำนวนรวม, มูลค่า)

เจาะลึกความเชี่ยวชาญของ “ระบบคลังสินค้า WMS” (Expertise)

ในขณะที่ ERP รู้ว่า “เรามีสินค้า A อยู่ 1,000 ชิ้น” แต่ระบบคลังสินค้า WMS จะรู้ลึกลงไปอีกว่า “สินค้า A ทั้ง 1,000 ชิ้น ถูกเก็บอยู่ที่ไหนบ้าง (เช่น โซน B แถว 3 ชั้น 4), ล็อตการผลิตไหน, วันหมดอายุเมื่อไหร่ และควรหยิบชิ้นไหนออกไปก่อน”

ฟังก์ชันหลักที่แสดงความเชี่ยวชาญของโปรแกรมระบบ WMS ได้แก่

  • การจัดส่ง (Shipping) เชื่อมต่อกับระบบขนส่ง, พิมพ์ใบปะหน้า, และยืนยันการนำส่งสินค้า
  • การรับและจัดเก็บ (Receiving & Put-away) ตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาและแนะนำตำแหน่งจัดเก็บที่เหมาะสมที่สุด (Slotting) โดยอิงจากขนาด, น้ำหนัก, หรือความถี่ในการหยิบ
  • การจัดการสต็อก (Inventory Management) ติดตามสต็อกแบบเรียลไทม์, จัดการสินค้าตามล็อต (Lot) หรือซีเรียล (Serial Number), รองรับการนับสต็อกแบบ Cycle Count
  • การหยิบและแพ็ก (Picking & Packing) สร้างเส้นทางการหยิบ (Picking Route) ที่สั้นและเร็วที่สุด, รองรับกลยุทธ์การหยิบหลายรูปแบบ (เช่น Wave Picking, Zone Picking), และตรวจสอบความถูกต้องก่อนการแพ็ก

ฟังก์ชั่นหลักของระบบ ERP ประกอบด้วย

  • การจัดการการเงิน บันทึกรายรับ รายจ่าย บัญชีแยกประเภท งบการเงิน ฯลฯ
  • การจัดการห่วงโซ่อุปทาน จัดการการสั่งซื้อสินค้าคงคลัง การจัดส่ง การผลิต ฯลฯ
  • การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ติดตามข้อมูลลูกค้า บันทึกการขาย บริการลูกค้า ฯลฯ
  • การจัดการทรัพยากรบุคคล บริหารเงินเดือน สวัสดิการ การลา ฯลฯ
  • การผลิต วางแผนการผลิต ติดตามกระบวนการผลิต ควบคุมคุณภาพ ฯลฯ

พลังแห่งการผสมผสาน ทำไม WMS ต้องทำงานร่วมกับ ERP?

การใช้งานระบบใดระบบหนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน การเชื่อมต่อระบบคลังสินค้า WMS เข้ากับ ERP จะสร้างพลังทวีคูณที่ช่วยยกระดับการทำงานไปอีกขั้น:

  • ลดต้นทุนและข้อผิดพลาด: การทำงานที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและความผิดพลาดจากการคีย์ข้อมูลด้วยมนุษย์
  • ข้อมูลสต็อกแม่นยำ 100%: เมื่อมีการรับหรือส่งสินค้าในคลัง ข้อมูลจาก WMS จะถูกอัปเดตไปยัง ERP ทันที ทำให้ฝ่ายขายและฝ่ายจัดซื้อมีข้อมูลสต็อกที่ถูกต้องในการวางแผนการขายและสั่งซื้อสินค้า
  • การวางแผนที่มีประสิทธิภาพ: ERP สามารถดึงข้อมูลการหมุนเวียนสินค้าจาก WMS มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนการผลิตและสำรองสต็อกได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาสินค้าขาดหรือล้นสต็อก
  • บริการลูกค้าที่เหนือกว่า: ฝ่ายบริการลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะคำสั่งซื้อและตำแหน่งสินค้าได้ทันทีจากระบบ ERP ซึ่งเชื่อมต่อข้อมูลตรงมาจากโปรแกรมระบบ WMS

ธุรกิจที่เหมาะกับการใช้งานระบบ WMS ร่วมกับระบบ ERP

  • ธุรกิจที่มีการจัดการสินค้าคงคลังขนาดใหญ่และซับซ้อน ธุรกิจเหล่านี้ต้องการระบบที่สามารถติดตามสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมระดับสินค้าคงคลัง ปรับปรุงการจัดเก็บสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า และเชื่อมโยงข้อมูลสินค้าคงคลังกับข้อมูลอื่นๆ ของธุรกิจ
  • ธุรกิจที่มีหลายคลังสินค้าและหลายสาขา ธุรกิจเหล่านี้ต้องการระบบที่สามารถบริหารจัดการคลังสินค้าและสาขาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดตามสินค้าคงคลังในแต่ละคลังสินค้า จัดสรรสินค้าระหว่างคลังสินค้า ติดตามข้อมูลการขาย สินค้าคงคลัง และการเงินจากแต่ละสาขา

ประโยชน์ของการใช้ระบบ WMS กับ ERP ร่วมกัน

  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง ระบบคลังสินค้า WMS ช่วยให้สามารถติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ จัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า
  • ปรับปรุงการมองเห็นภาพรวมของธุรกิจ ระบบ ERP ช่วยให้สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจ เช่น ข้อมูลการขาย การเงิน การผลิต และสินค้าคงคลัง ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ระบบ WMS และ ERP ช่วยให้กระบวนการทำงานต่างๆ ของพนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ลดข้อผิดพลาด ระบบคลังสินค้าออนไลน์ WMS และ ERP ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่งสินค้า และการบริการลูกค้า
  • ปรับปรุงการบริการลูกค้า ระบบ WMS และ ERP ช่วยให้สามารถติดตามคำสั่งซื้อ จัดส่งสินค้าได้รวดเร็ว และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อัปเดต 2025 เทรนด์เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนระบบ WMS ในปัจจุบัน (Authoritativeness)

เพื่อให้เห็นว่า ระบบ WMS มีความสำคัญและพัฒนาไปไกลแค่ไหน นี่คือเทรนด์ล่าสุดที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ:

  1. AI และ Machine Learning: ไม่ใช่แค่การทำงานตามคำสั่ง แต่ โปรแกรมระบบ WMS สมัยใหม่ใช้ AI เพื่อพยากรณ์ความต้องการสินค้า, จัดการตำแหน่งจัดเก็บแบบไดนามิก (Dynamic Slotting) และปรับปรุงเส้นทางการหยิบสินค้าให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
  2. IoT (Internet of Things): อุปกรณ์อย่าง RFID, Barcode Scanner แบบสวมใส่, และเซ็นเซอร์อัจฉริยะ จะส่งข้อมูลเข้าสู่ ระบบคลังสินค้า WMS โดยอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลแม่นยำ 100% และลดการทำงานด้วยมือ
  3. Cloud-based WMS (SaaS): ธุรกิจจำนวนมากหันมาใช้ WMS บนคลาวด์ เพราะมีความยืดหยุ่นสูง จ่ายตามการใช้งานจริง (Subscription) เข้าถึงได้จากทุกที่ และได้รับการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอโดยไม่ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เอง
  4. Data Analytics: เปลี่ยนข้อมูลในคลังสินค้าให้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ WMS สมัยใหม่มาพร้อม Dashboard ที่แสดงผลข้อมูลสำคัญ (KPIs) เช่น อัตราความถูกต้องในการหยิบ, ระยะเวลาตั้งแต่สั่งซื้อจนถึงจัดส่ง (Order Lead Time) เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจได้เฉียบคมขึ้น

ยกระดับคลังสินค้าของคุณด้วย WMS จาก Cnetthailand

ที่ Cnetthailand เราไม่ได้เพียงแค่เข้าใจความแตกต่างของระบบ แต่เราเชี่ยวชาญในการสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ระบบ WMS ของเราถูกออกแบบมาพร้อมฟีเจอร์ที่โดดเด่นและยืดหยุ่น

ฟีเจอร์เด่นของ Cnetthailand WMS

  • Real-time Inventory Dashboard: แดชบอร์ดแสดงข้อมูลสต็อกสินค้า การเคลื่อนไหว และสถานะการทำงานในคลังแบบเรียลไทม์
  • Smart Slotting: ระบบแนะนำตำแหน่งจัดเก็บสินค้าอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์จากขนาด การหมุนเวียน และประเภทของสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และการหยิบ
  • Mobile-Friendly Interface: พนักงานคลังสามารถทำงานผ่านอุปกรณ์พกพา (Handheld) ได้อย่างสะดวก ลดการใช้กระดาษและเพิ่มความคล่องตัว
  • Seamless ERP Integration: เรามีความเชี่ยวชาญในการเชื่อมต่อระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ WMS ของเราเข้ากับระบบ ERP ชั้นนำทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น SAP, Oracle, Microsoft Dynamics หรือระบบ ERP ที่พัฒนาขึ้นเอง เพื่อให้ข้อมูลไหลเวียนอย่างราบรื่น

กรณีศึกษา: พลิกโฉมธุรกิจด้วยการเลือกใช้ระบบที่ใช่ (Trustworthiness & Experience)

บริษัท ABC จำกัด (นามสมมติ) คือผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ในช่วงแรกพวกเขาใช้เพียงระบบ ERP ในการจัดการทั้งหมด

  • ปัญหา: เมื่อธุรกิจเติบโต, คลังสินค้าเกิดความวุ่นวาย สต็อกในระบบ ERP ไม่เคยตรงกับของจริง, พนักงานใช้เวลาหาของนาน, และมีการส่งสินค้าผิดรุ่นให้ลูกค้าบ่อยครั้ง
  • ทางออก: ABC ตัดสินใจลงทุนในระบบจัดการคลังสินค้า WMS โดยเฉพาะ และทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ ERP เดิม
  • ผลลัพธ์:
    • WMS เข้ามาจัดการตำแหน่งสต็อกอย่างแม่นยำ ทำให้ความผิดพลาดในการหยิบสินค้าลดลงกว่า 95%
    • ระบบแนะนำเส้นทางที่ดีที่สุด ช่วยลดเวลาในการเตรียมออเดอร์ลง 30%
    • WMS จะส่งข้อมูลสต็อกที่อัปเดตล่าสุดกลับไปยัง ERP แบบเรียลไทม์ ทำให้ฝ่ายขายและจัดซื้อทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกันที่ถูกต้อง
    • ความน่าเชื่อถือของแบรนด์เพิ่มขึ้น เพราะส่งมอบสินค้าได้ถูกต้องและตรงเวลา

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะมี ERP ที่ดี แต่สำหรับธุรกิจที่มีความซับซ้อนในคลังสินค้า การมีระบบ WMS ที่เชี่ยวชาญคือการลงทุนที่จำเป็นและคุ้มค่า

การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ว่าระบบใดดีกว่ากัน แต่อยู่ที่ว่า “ธุรกิจของคุณอยู่ในสเตจไหนและมีความต้องการอะไร”

  • ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ E-commerce ที่เพิ่งเริ่มต้น: อาจเริ่มต้นด้วยระบบ ERP ที่มีโมดูลจัดการสต็อกพื้นฐานก็เพียงพอ
  • ธุรกิจที่มีคลังสินค้าขนาดใหญ่ มีความซับซ้อน: เช่น ศูนย์กระจายสินค้า, ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง, หรือโรงงานผลิตที่มีวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปจำนวนมาก การลงทุนใน “ระบบ WMS” โดยเฉพาะ คือสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
  • ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน: เป้าหมายสูงสุดคือการมีทั้งสองระบบที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยให้ ERP ดูแลภาพรวมธุรกิจ และให้ระบบจัดการคลังสินค้า WMS ดูแลปฏิบัติการในคลังอย่างสมบูรณ์แบบ

การเลือกลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสม คือกุญแจสำคัญในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของคุณ

ท่านใดที่กำลังมองหาระบบ WMS ที่ Cnetthailand เราเป็นบริษัทที่ให้บริการระบบจัดการคลังสินค้า WMS เต็มรูปแบบพร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดยระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ WMS ของเราสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมและธุรกิจแต่ละประเภท ด้วยประสบการณ์ด้านระบบ WMS กว่า 30 ปี และมียอดขายระบบคลังสินค้า WMS เป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่องกันถึง 11 ปี ให้เรา Cnetthailand ช่วยดูแลระบบคลังสินค้าของคุณนะคะ

สนใจติดต่อ

Tel : 02-821-5464

Line : @cnetthailand

Facebook : c net thailand co ltd

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ WMS และ ERP

Q1: ทำไม ERP อย่างเดียวจึงไม่เพียงพอสำหรับงานคลังสินค้า?

ERP ออกแบบมาเพื่อบริหารภาพรวมองค์กร แต่ไม่ลงลึกถึงขั้นตอนปฏิบัติในคลังสินค้า WMS จึงช่วยเสริมให้การรับ–จ่ายสินค้า ตรวจนับ และจัดการพื้นที่มีความแม่นยำมากขึ้น

Q2: WMS ช่วยลดต้นทุนคลังสินค้าได้อย่างไร?

WMS ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ เพิ่มความแม่นยำของสต๊อก และปรับเส้นทางการหยิบสินค้าให้สั้นลง จึงช่วยลดต้นทุนแรงงานและต้นทุนความผิดพลาดในการจัดส่ง

Q3: เมื่อไหร่ที่องค์กรควรเริ่มใช้ WMS?

มื่อปริมาณงานในคลังเริ่มซับซ้อน สต๊อกคลาดเคลื่อนบ่อย มีหลายช่องทางขาย หรือมีหลายคลังสินค้า นั่นคือช่วงเวลาที่ WMS จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเห็นผล

Q4: WMS ต่างจาก ERP ในด้านการปฏิบัติงานอย่างไร?

WMS โฟกัสการจัดการคลังแบบเรียลไทม์ เช่น Putaway, Picking, Packing, Cycle Count ส่วน ERP เน้นวางแผนและควบคุมข้อมูลในระดับองค์กร

Q5: องค์กรที่ใช้ ERP อยู่แล้ว สามารถเชื่อมต่อกับ WMS ได้หรือไม่?

ได้ และควรทำอย่างยิ่ง เพราะการเชื่อมระบบช่วยให้ข้อมูลสต๊อกตรงกับข้อมูลบัญชี–การขาย ลดข้อมูลซ้ำซ้อนและทำให้บริหาร Supply Chain ได้ครบวงจร

Q6: WMS เหมาะกับธุรกิจประเภทใดบ้าง?

เหมาะกับอีคอมเมิร์ซ คลังสินค้ากลาง โรงงานผลิต โลจิสติกส์ หรือองค์กรที่มีคลังหลายแห่ง–หลายสาขา

Q7: การเลือก WMS ที่ดีควรพิจารณาอย่างไร?

ควรเลือก WMS ที่ปรับแต่งได้ รองรับการเติบโตของธุรกิจ ใช้งานง่าย เชื่อม ERP ได้ และมีผู้ให้บริการที่มีทีม Support ในไทย เช่นโซลูชัน WMS ที่องค์กรไทยนิยมใช้งาน

Q8: ถ้าองค์กรต้องการเปลี่ยนจากวิธี Manual มาใช้ WMS จะใช้เวลานานไหม?

ขึ้นอยู่กับขนาดคลังและกระบวนการเดิม ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเพียง 1–3 เดือนในการวิเคราะห์–ติดตั้ง–และเทรนนิ่งก่อนเริ่ม Go-Live